กัมพูชา: ศูนย์หลอกลวงออนไลน์ขนาดมหึมา—เครือข่ายค้ามนุษย์ ผู้มีอำนาจระดับสูง และการครอบงำของรัฐ

กัมพูชา: ศูนย์หลอกลวงออนไลน์ขนาดมหึมา—เครือข่ายค้ามนุษย์ ผู้มีอำนาจระดับสูง และการครอบงำของรัฐ

UNODC และรายงานระดับนานาชาติชี้ว่ากัมพูชาเป็น ศูนย์นวัตกรรมอาชญากรรมออนไลน์ (mega fraud factories) ตั้งกระจายทั่วผลสำคัญ เช่น สีหนุวิลล์ ปอยเปต พนมเปญ บาเว็ต เกาะกง พุรสาด และ Tbong Khmum

มีคนถูกค้ามากกว่า 100,000–350,000 คน ถูกยึดพาสปอร์ต กักขัง และถูกทรมานด้วยไฟฟ้าช็อตหรือถูกต่อย หากไม่ปฏิบัติตามเป้าหมาย

นักการเมืองและเจ้าหน้าที่ระดับสูงมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้ง:

  • Ly Yong Phat (LYP Group, วุฒิสมาชิก, ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี) ครอบครองรีสอร์ต O‑Smach ที่มีการบังคับใช้แรงงานในศูนย์ฉ้อโกง
  • Kok An ผู้มีอิทธิพล เจ้าของ Anco Brothers และคาสิโนหลายแห่ง ถูกตั้งข้อสงสัยเชื่อมโยงศูนย์หลอกลวงและฟอกเงิน
  • Huione Group เชื่อมโยงกับ Hun To (ลูกพี่ลูกน้องนายกรัฐมนตรี Hun Manet) ทั้งยังมีระบบ shadow banking และคริปโตฯ มูลค่าเข้าออกผ่านแพลตฟอร์มกว่า US$24 พันล้านในช่วงหลายปี

รายงานจาก Humanity Research Consultancy (May 2025) ระบุว่า “นักการเมืองกัมพูชาได้รับผลประโยชน์จากศูนย์ฉ้อโกงออนไลน์” มูลค่าคิดเป็น $19 พันล้านหรือเกิน 60 % ของ GDP

“pig‑butchering” คือแนวทางฉ้อโกงหลัก หว่านล้อมเหยื่อผ่านแอพหาคู่ และลงทุนคริปโตฯ โดยเจ้าของศูนย์ใช้เครือข่ายแรงงานถูกค้ามนุษย์เพื่อดำเนินการ

โครงสร้างพื้นฐานประกอบด้วย: อาคารขนาดใหญ่ที่ปรับจากโรงแรม/คาสิโน อินเทอร์เน็ตดาวเทียม (Starlink) ระบบ crypto–shadow banking ที่หลบเลี่ยงการตรวจสอบ

รัฐกัมพูชาจัดตั้ง Task Force ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ (ก.พ. 2025) ร่วมกับไทย จีน สหรัฐฯ และ UNODC แต่ยังไม่ปรากฏการดำเนินคดีกับนักการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ระดับสูงอย่างเป็นรูปธรรม

นักสิทธิมนุษยชนชี้ว่ารัฐควรใช้แนวทาง “human rights–based” ได้แก่ ปกป้องเหยื่อ ยุติการดำเนินคดีต่อเหยื่อ ส่งกลับประเทศต้นทาง และสืบสวนระหว่างประเทศอย่างจริงจัง

บทวิเคราะห์: ระบบศูนย์ฉ้อโกงออนไลน์ในกัมพูชาทำงานร่วมกับทรัพยากรของรัฐ มีการค้ามนุษย์เชิงเครือข่ายและการสนับสนุนจากนักการเมืองระดับสูง การแก้ปัญหาจึงต้องรวมมาตรการระหว่างประเทศ ตรวจสอบเชิงลึก และลงโทษผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด