บทวิเคราะห์: “ฮุน” แห่งเขมรแดง—เงามืดในประวัติศาสตร์การเมืองกัมพูชา
เมื่อเอ่ยถึง “ฮุน” ในบริบทของเขมรแดงและกัมพูชา ชื่อที่เด่นชัดที่สุดคือ ฮุน เซน (Hun Sen) อดีตผู้นำระดับสูงที่ครองอำนาจยาวนานกว่า 38 ปี (1985–2023) ซึ่งมีบทบาทสำคัญทั้งในยุคสงครามกลางเมือง, สงครามเย็น, การล่มสลายของเขมรแดง, และการสร้างรัฐร่วมสมัยของกัมพูชา
จุดกำเนิดและบทบาทในเขมรแดง
ฮุน เซน มีจุดเริ่มต้นจากการเป็นสมาชิกเขมรแดง (Khmer Rouge) เข้าร่วมเคลื่อนไหวในช่วงทศวรรษ 1970 และได้รับตำแหน่งระดับผู้บังคับการ ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ล้างเผ่าพันธุ์ (Cambodian Genocide) ซึ่งเขมรแดง ภายใต้การนำของ “พล พต (Pol Pot)” ได้สังหารประชาชนมากกว่า 1.5–2 ล้านคน
ภายหลัง ฮุน เซน หลบหนีไปเวียดนาม จากนั้นกลับเข้ามากัมพูชาอีกครั้งหลังการรุกรานของเวียดนามในปี 1979 ซึ่งโค่นล้มเขมรแดง และตั้งรัฐบาลประชาชนเขมร (PRK) ขึ้นแทน
เส้นทางอำนาจและการเมืองร่วมสมัย
หลังยุค PRK ฮุน เซนได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีปี 1985 และรักษาอำนาจต่อเนื่องยาวนาน ผ่านการควบคุมพรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) ด้วยยุทธศาสตร์ประนีประนอมและการจัดการกับคู่แข่งทางการเมืองอย่างเข้มงวด เช่น การจับกุมหรือผลักดันฝ่ายค้านให้ลี้ภัย
ตลอดทศวรรษ 1990–2010 ชื่อเสียงของฮุน เซน แปรผันจาก “ผู้นำสร้างเสถียรภาพ” สู่ “ผู้นำเผด็จการใหม่” ด้วยการปราบปรามสิทธิมนุษยชน สื่ออิสระ และการแทรกแซงกระบวนการเลือกตั้ง
มรดกและข้อถกเถียง
ฮุน เซนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าเป็น “เงามืด” ของอดีตเขมรแดง ทั้งจากประวัติที่เคยเป็นสมาชิก, วิธีบริหารอำนาจที่แข็งกร้าว และโครงสร้างอำนาจแบบครอบครัว (ลูกชาย: ฮุน มาเนต รับช่วงต่อในปี 2023)
นอกจากนี้ ยังมีการกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรมและคอร์รัปชันระดับชาติ
อย่างไรก็ตาม ฮุน เซนยังถูกมองว่าเป็น “สัญลักษณ์แห่งเสถียรภาพ” ในยุคหลังสงครามของกัมพูชา เมื่อเทียบกับยุคเขมรแดงที่เต็มไปด้วยความโหดร้ายและไร้กฎหมาย
ข้อสังเกตเชิงลึก
- ฮุน เซนถือเป็นตัวอย่าง “นักปฏิบัติการการเมือง” ที่อยู่รอดได้ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของภูมิภาค
- แม้จะสลัดภาพเขมรแดง แต่รากฐานอำนาจและวัฒนธรรมการเมือง “แบบพรรคเดียว” ยังคงดำรงอยู่ในกัมพูชา
- ฮุน เซนสร้างระบบอุปถัมภ์ (patronage network) ที่แข็งแกร่งจนฝ่ายตรงข้ามแทบสู้ไม่ได้ในทางการเมือง
- ผลสืบเนื่องหลังลงจากตำแหน่ง อิทธิพลของตระกูล “ฮุน” ยังน่าจับตามองว่าจะเปลี่ยนผ่านสู่ยุคใหม่ได้จริงหรือไม่